
สวัสดีๆๆๆๆ เราชื่อนางสาวชวาลา มงคลยง ^ ^ เราเคยได้ยินหลายคนบอกว่าชื่อเราแปลก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่คุ้นหูเลย บางคนบอกว่าชื่อเหมือนคนอิสลาม บางคนบอกว่าชื่อเหมือนผู้ชาย บางคนบอกว่าชื่อไม่ไพเราะเลยและอีกมากมายที่ไม่อาจจะนำมากล่าวได้หมด 555 แต่เราก็ทำได้เพียงยิ้มให้กับผู้คนเหล่านั้นและความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อชื่อของเรา ชื่อของเรามีความหมายในพจนานุกรมแบบตรงตัวเลยนะ ไม่มีการผสมคำด้วย แปลว่า ตะเกียง (ไม่เชื่อลองไปเปิดพจนานุกรมดูได้เลยนะ) แม่ของเราเล่าให้เราฟังว่าแม่เป็นคนตั้งชื่อให้เราเอง แม่ของเราได้เตรียมเลือกชื่อลูกเอาไว้หมดแล้วตั้งแต่เราอยู่ในท้องว่าถ้าลูกเกิดวันนี้ให้ชื่อนี้ วันนั้นให้ชื่อนั้น เราเกิดวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2534 ที่โรงพยาบาลนครนายก จังหวัดนครนายก แม่เลยตั้งชื่อให้ว่า "ชวาลา" ตามที่แม่ได้เตรียมเลือกไว้แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูแปลก ไม่ไพเราะในความคิดของใครหลายๆคนแต่เราก็ดีใจมากที่ได้ชื่อนี้ที่ไม่ค่อยมีใครนำมาตั้งจะได้ไม่เหมือนใครดีและภูมิใจมากที่แม่เป็นคนตั้งชื่อให้ด้วยความตั้งใจจริง เราสัญญากับแม่ว่าจะไม่เปลี่ยนชื่อเด็ดขาด ^^
เรียกเราสั้นๆว่าเตยก็ได้นะ ชื่อเล่นเรามีที่มาอีกเหมือนกัน คือ ย่าเราเป็นคนตั้งให้ เหตุผลไม่มีอะไรมากเลย ตั้งให้ตัวอักษรตัวแรกเหมือนชื่อพี่ชายค่ะ555 พี่ชายเราชื่อต้อง ครอบครัวของเรามีอาชีพเกษตรกร ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเรา คือ บ้านเลขที่ 132 หมู่ 1 ต.หนองแสง อ.ปากพลี จ.นครนายก กรุ๊ปเลือดของเรา คือ AB จากการซาวด์เสียงของหลายๆคนตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเราพบว่าเป็นที่น่าตกใจมากเพราะเป็นกรุ๊ปเลือดที่ไม่ค่อยมีคนมี แต่เราก็ยังรู้สึกกังวลใจจนถึงขั้นไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งมาตลอด เนื่องจากว่าถ้าบังเอิ๊ญ บังเอิญ วันดีคืนดีเราได้รับอุบัติเหตุกะทันหันถึงขั้นเลือดตกยางออกขึ้นมาล่ะ แล้วใคร…ใครจะช่วยเราล่ะ 555 จนกระทั่งเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเลือดทุกกรุ๊ปสามารถนำมาช่วยเหลือคนกรุ๊ปเลือด AB ผู้เห็นแก่ตัวได้ทั้งๆที่ตัวเองช่วยได้แค่กรุ๊ปเดียวกันแต่ไม่สามารถไปช่วยคนกรุ๊ปอื่นได้เลย 555
เราชอบฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต ชอบสะสมบัตรเติมเงินแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เก็บแล้วเพราะเติมเงินออนไลน์ 555 ชอบทานส้มตำ(เผ็ดๆ) แล้วก็บะหมี่เกี๊ยว เราเป็นคนรักสุขภาพเลยชอบดื่มนมจืดเป็นชีวิตจิตใจและชอบคนผิวคล้ำเลยชอบที่จะดื่มโกโก้เย็น 555 เกี่ยวมั้ยเนี่ย ^^ ชอบกินขนมข้าวเกรียบปากหม้อ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาทานได้ยากมาก(หรือหาไม่เจอเอง ก็ไม่รู้สิ 555 ) ชอบทุกอย่างที่เป็นสีชมพู เวลาเลือกซื้อของจะเลือกแต่สีชมพูแต่เราไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานแม้แต่นิดเดียวที่ชอบเพราะมองแล้วสดใส สดชื่น มีความสุขทุกครั้งที่ได้มอง เราชอบเลี้ยงปลาหางนกยูงเพราะเป็นปลาที่มีความสวยงาม เวลามองแล้วหายเครียดแต่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงนานแล้ว ชอบเล่นแบดมินตันเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเล่นเป็น เล่นได้ดี ไม่ต้องเจ็บตัวและเล่นคล่องอยู่ชนิดเดียว 555 ชอบวงโทนี่ผีมาก ซึ่งมีเสียงร้องที่ไพเราะ เสียงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและยากที่ใครจะลอกเลียนแบบ นักร้องอีกสองคนที่ชอบมาจากฝั่ง The Star คือ พี่แคนและพี่กัน เพราะพี่ทั้งสองคนน่ารัก ดูเป็นคนสบายๆ บ้านๆ สดใส ร่าเริง เราชอบฟังเพลงบรรเลงดนตรีไทยมากๆๆๆๆๆเลยค่ะเพราะฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เวลาเครียดอยู่ก็ทำให้หายเครียดได้ค่ะ แล้วก็อยากจะช่วยอนุรักษ์ความเป็นไทยด้วยค่ะ บางครั้งเคยคิดว่าอยากลองหัดเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้นจัง เครื่องดนตรีที่อยากเล่นมากที่สุด คือ ขิม ค่ะ แต่ในใจจริงอยากเล่นเป็นหมดทุกชนิดเลยค่ะ ^^ แต่ถึงจะไม่มีโอกาสได้หัดเล่นแต่ขอแค่ได้ฟังก็มีความสุขแล้วค่ะ คติที่ยึดถือมาตลอด คือ ความเพียรเอาชนะได้ทุกสิ่งค่ะ ^^
เราเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงปรี๊ดดดด 555ไม่ชอบความวุ่นวายและการทะเลาะวิวาท ขี้น้อยใจ อารมณ์ค่อนข้างรุนแรงถ้าไม่ถูกใจอะไรแต่ไม่ถึงขั้นขี้วีนนะ (อย่าเพิ่งกลัวเราล่ะ 555) เป็นคนจริงจังในทุกเรื่องที่มีโอกาสได้ลงมือทำ เราเป็นคนขำง่ายมากเลย กินอะไรก็อร่อยทุกอย่าง 555 ไม่ได้เสแสร้งนะ อร่อยจริงๆ ไม่ชอบการบังคับ ไม่ชอบคนเจ้าระเบียบที่จะมาตำหนิติเตียนให้เราทำแบบนั้นแบบนี้ เพราะตัวเองเป็นคนสบายๆ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเป๊ะเวอร์ ไม่ชอบการแต่งตัวตามแฟชั่น ชอบแต่งตัวตามความพอใจของตัวเองเพราะมันเป็นการบ่งบอกเอกลักษณ์ของเราที่ไม่มีใครเหมือนและไม่อยากเหมือนใคร มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยแคร์คนอื่น เอาใจคนอื่นไม่เก่ง แต่ถ้าเป็นคนพิเศษ เช่น เพื่อนสนิทจะมีข้อยกเว้นในบางกรณี เราเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบทำกับข้าว 555 หลายคนอาจมองว่าทำไมเธอถึงไม่ทำตัวให้เป็นกุลสตรีเอาซะเลย เป็นผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก แต่เราจะมีความคิดคัดค้านตลอดทุกครั้งที่ได้ยินว่า ทำไมๆๆๆๆๆ (เราเป็นคนแปลกๆมั้ย 555) เรารู้สึกว่าไม่ชอบเองอ่ะ ไม่ชอบอยู่ใกล้ไฟ ไม่ชอบความร้อนจากเตาแก๊สหรือเตาไฟ 555 แต่ถ้านึกอยากจะทำก็ทำนะ อร่อยหรือไม่อร่อยก็ว่ากันอีกที 555 แต่งานบ้านเราทำเป็นทุกอย่างนะ เราไม่ใช่คนเรียบร้อยอย่างที่หลายๆคนเข้าใจมาตลอดและย้ำว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานแม้แต่นิดเดียวเลยนะ เราชอบแนวลุยๆ ไม่ชอบการเป็นผ้าพับไว้อย่างเรียบร้อย เราเป็นคนพูดน้อยแต่ไม่ใช่ว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากนะคะ 555 แต่จะเลือกพูดในสิ่งที่จำเป็นและมีสาระค่ะเพราะเรารู้ตัวดีว่าถ้าเราได้พูด ด้วยความที่เราเป็นคนพูดตรงเกินไปเลยกลัวว่าคำพูดบางคำพูดอาจทำให้คนฟังเสียใจก็เป็นได้เลยเลือกพูดเท่าที่จำเป็นดีกว่าค่ะ 555 แต่เราก็มีความจริงใจและพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทุกคนที่จริงใจกับเราทุกเมื่อนะจ๊ะ ^^
ต่อไปมาเริ่มว่ากันต่อในเรื่องราวการศึกษาของเราในอดีตจวบจนปัจจุบันกันเลยดีกว่า ^^
ในปี พ.ศ.2539 เราได้เข้าเรียนในชั้นอนุบาล1ที่โรงเรียนชุมชนวัดศรีนาวา จังหวัดนครนายก เราจำได้ว่าไม่มีเพื่อนที่อยู่บ้านละแวกเดียวกันไปเรียนโรงเรียนเดียวกับเราเลยเพราะมันค่อนข้างไกล แต่ที่พ่อแม่เราส่งเราไปเรียนที่นั่นเพราะว่ามันใกล้ทางที่พ่อแม่จะไปทำนา เราจึงต้องไปเรียนที่นั่นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในระยะแรกๆ ด้วยความที่เราถูกเลี้ยงมาให้เป็นเด็กเรียบร้อย 555 ไม่เกเร ไม่เคยอยู่ห่างไกลพ่อแม่และปู่กับย่า เมื่อต้องมาโรงเรียนเราจึงไม่รีรอที่จะร้องไห้ออกมาดังๆเมื่อแม่มาส่งแล้วกลับไปปล่อยให้เราอยู่กับคุณครูและเพื่อนๆที่ยังไม่รู้จักกัน พอถึงเวลาแม่ก็มารับกลับบ้าน ครูฟ้องแม่ว่าเราร้องไห้ทั้งวัน ร้องได้ร้องดี ร้องอยู่คนเดียวด้วย 555( เซียนร้องไห้ตัวจริง) ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าร้องไห้ไปได้ยังไงทั้งวันจนจบชั้นอนุบาล 1 พอขึ้นชั้นอนุบาล 2 เราก็ไม่ร้องไห้อีกเลยเพราะว่าเริ่มชินกับการมาโรงเรียนและรู้จักคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ๆมากขึ้นกว่าเดิม โรงเรียนของเราได้ให้นักเรียนห่อข้าวกลางวันมาทานเองที่โรงเรียนแต่ทางโรงเรียนจะมีกับข้าวกองกลางไว้ให้ด้วยค่ะ พวกเราก็จะได้ทานอาหารร่วมกันและได้แชร์กับข้าวที่ตัวเองห่อมาให้เพื่อนทานด้วยค่ะ ถ้าวันไหนแม่คิดเมนูไม่ออกเราก็จะห่อข้าวไข่เจียวไปทาน 555 ซึ่งเราเคยหลงปิ่นโตกับเพื่อนด้วยนะ น่าอายมากอ่ะ ตอนนั้นยังเด็กมาก 555 พอกลับมาบ้านแม่บอกว่าไปเอาปิ่นโตใครมา แม่ขำใหญ่เลย ตลกตัวเองมากค่ะจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปเอาปิ่นโตใครมา พอนึกถึงทีไรก็หัวเราะได้ทุกครั้งเลยค่ะ สมัยนั้นเราได้เงินไปโรงเรียนวันละ 10 บาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ ขนมสมัยนั้นถูกมากค่ะ ห่อละบาทก็มีค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเราชอบทานขนมไมล์ดี้ห่อละบาท พอจะจำกันได้มั้ย ที่มันเป็นสีขาวๆแบนๆมีไส้ข้างในหลายๆรสชาติให้เลือกอ่ะ เราจะทานขนมวันละประมาณ 5 บาท เราเป็นคนทานน้อยค่ะถึงไม่อ้วนไง 555
ชีวิตตอนเรียนระดับประถมศึกษานี้เป็นชีวิตที่มีความสุขมากเลยล่ะเพราะไม่ต้องเครียดกับการเรียนมากนัก สบายๆ เล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เราเป็นหัวหน้าห้องมาตลอด 5 ปี รู้สึกดีกับการได้ฝึกการเป็นผู้นำและได้เป็นวงดุริยางค์ของโรงเรียนด้วย เคยมีประสบการณ์ด้านการรำมานิดหน่อย พูดได้เลยว่าช่วงชีวิตในตอนนั้นได้เรียนรู้ ได้ฝึกทำอะไรหลายๆอย่างที่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งไม่เคยได้รู้ได้ทำมาก่อน ขอบคุณโรงเรียนขนาดเล็กแห่งนี้ที่ฝึกให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้ เรามีความสุขมากมายที่ได้เรียนที่นั่น ^^ พอเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อนๆส่วนมากเลือกที่จะเข้าเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัด คือ โรงเรียนนครนายกวิทยาคมหรือไม่ก็โรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเป็นส่วนใหญ่ที่มีจำนวนนักเรียนมาก แต่ชีวิตของเราคนเดียวในชั้น (ย้ำ คนเดียว 555)ก็แปรผกผันกับเพื่อนๆอีกตามเคยแหละ เราไม่เรียนตามเพื่อนเพราะเราคิดว่าคนเรามีฐานะไม่เหมือนกัน เราต้องคำนึงถึงฐานะของทางบ้านตัวเราเองว่าไหวไหม อย่าเรียนตามกระแสเพื่อน ตอนแรกก็ใจหายนะที่จะไม่ค่อยได้เจอหน้าเพื่อนแล้วแต่เรากลับมาคิดว่าถ้าเรานิสัยยังดีพอที่คนอื่นจะรับในตัวเราได้ 555 เราต้องมีเพื่อนอยู่วันยันค่ำ เพื่อนมีอยู่ทุกที่ เราอย่ายึดติดกับเพื่อนคนนั้นคนนี้ว่าเราสนิทกับเขามากจนจากกันไม่ได้ ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้าพบเจอผู้คนมากมายในอนาคต เพื่อนใหม่ๆที่จะมาพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆให้เราได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันยังรอเราอยู่ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่มีเพื่อน เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วก็สบายใจขึ้นเยอะเลย 555 เราไม่เคยคิดที่อยากจะเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัดหรือโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยเพราะว่าพี่ชายของเราเคยเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดแล้วทำให้พ่อกับแม่ซึ่งมีรายได้ไม่มากนักต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนเยอะมาก เราสงสารพ่อแม่ เราเลยตั้งใจไว้ว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่โดยจะไม่เรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัด เราเลยเลือกที่จะเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอแทน คือ โรงเรียนปากพลีวิทยาคาร ซึ่งใกล้กับบ้านของเราและเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่มากนัก นักเรียนมีจำนวนปานกลาง ครูสามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง


ช่วงแรกที่เข้ามาเรียนที่โรงเรียนปากพลีวิทยาคารเราก็ไม่มีเพื่อนอีกตามเคย 555
รู้สึกว้าเหว่นิดๆ ด้วยความที่เรามีนามสกุลเดียวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนซึ่งเป็นญาติห่างๆของครอบครัวเราทำให้มีรุ่นพี่และเพื่อนๆหลายคนมองมาที่ป้ายชื่อตรงหน้าอกด้านซ้ายของเราแล้วต้องหันมาถามเราตลอดว่าเป็นอะไรกับอาจารย์...ขอไม่เอ่ยนามนะ ^^ เราตอบจนเมื่อยปากอ่ะช่วงนั้นว่าเป็นญาติค่ะ 555 ทำให้ไม่ค่อยมีคนมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเรามากนักสงสัยคงกลัวอาจารย์ฝ่ายปกครองคนนั้นมากล่ะมั้ง 555 ก็ดีไปอย่างเหมือนกันหรือเรียกแบบบ้านๆว่ามีนามสกุลเป็นไม้กันหมาก็น่าจะได้ค่ะ 555 พอเริ่มเรียนไปได้ซักพักก็เริ่มมีเพื่อนที่พอจะเข้ากันได้ มีนิสัยคล้ายๆกัน กลุ่มเพื่อนสนิทของเราจะมี 4 คน ซึ่งถือว่าไม่มากเพราะพวกเราคิดว่าเราจะได้คุยกัน ปรึกษากันและดูแลกันได้แบบใกล้ชิดและทั่วถึง 555 ตลอดเวลาที่เรียนระดับมัธยมศึกษาด้วยความที่ไม่ชอบทำกิจกรรมอะไรเลยที่เป็นการแสดง เช่น ร้องเพลง เต้น แต่มักจะชอบทำกิจกรรมที่ไม่ต้องแสดง เช่น ชอบส่งเรียงความ คำขวัญเข้าประกวดในงานต่างๆ เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสืออย่างเดียวจึงทำให้หลายคนมองว่าเราเป็นเด็กเรียนทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงเลย เราไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้นซะหน่อย ถ้าลองถามเพื่อนเราหรือลองคบกับเราแบบสนิทแล้วจะรู้เองว่ามันไม่ใช่แบบนั้น 555 เราแค่ตั้งใจเรียนตามปกติวิสัยของนักเรียนทั่วไปที่ควรต้องเป็นแล้วก็ไม่ได้เรียนเก่งเวอร์ การเรียนอยู่ในระดับปานกลางเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นทุกเทอม 555
ถ้าถามว่าทำไมเราถึงมาเรียนครูคณิตศาสตร์ที่ มศว (ไม่มีจุด) ^^
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าตอนม.ปลายเราเรียนสายวิทย์-คณิตมา แล้วช่วงม.ต้นเรามีความฝันอยากจะเรียนเภสัชกรมากเลย แต่แล้วความฝันเราก็แปรเปลี่ยนไปเมื่อเรามาเรียนม.5ว่าเราไม่เรียนเภสัชกรแล้ว เราอยากเรียนสหเวชศาสตร์ กายภาพบำบัด เพราะแม่เราเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเนื่องจากท่านทำงานหนักและท่านชอบบ่นปวดหลังบ่อยๆทำให้เราสงสารท่านมากเราเลยอยากเรียนกายภาพบำบัด ทั้งสองความใฝ่ฝันนี้อยากจะเรียนที่มศว ทั้งสองอย่างเลยค่ะเพราะว่าเราเป็นคนนครนายกจึงมีความคุ้นเคย คุ้นหูคุ้นตากับ มศว องครักษ์ แล้วก็ตรากราฟ มศว ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ชอบมากเลยค่ะจึงอยากเป็นนิสิต มศว มาตลอดเลยค่ะ(ไม่เคยนอกใจ มศว เลย555) เลยลองสอบคณะสหเวชศาสตร์ กายภาพบำบัด ปรากฎว่าไม่ติดค่ะ(แป่ววววว) แต่ไม่เสียใจเลยค่ะเพราะว่ายากพอสมควร ด้วยความที่เป็นคนดวงดีหรืออย่างไรไม่ทราบระเบียบการโควต้าโรงเรียนเครือข่ายคณะวิทยาศาสตร์ของ มศว มาที่โรงเรียนค่ะ ทีแรกไม่รู้ว่าจะลงสาขาอะไรแต่สุดท้ายก็เลือกลงครูคณิตศาสตร์แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเซียนคณิตศาสตร์แต่อย่างใดแต่เป็นเพราะว่าไม่ชอบการทำแลปวิทยาศาสตร์ ไม่ชอบสารเคมี ไม่ชอบการส่องกล้องจุลทรรศน์ดูสิ่งเล็กๆ(ที่เรียกว่ารัก) 555 อีกอย่างคือคิดว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ อยากสอนเด็กนักเรียนให้มีความรู้และคุณธรรมอีกทั้งครูคณิตศาสตร์กำลังขาดแคลนและคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ทำให้เราเป็นคนมีเหตุผล ที่สำคัญคือไม่มีการทำแลปที่ใช้สารเคมี ปรากฎว่าติดโควต้าค่ะเลยได้มาเรียนครูคณิตศาสตร์ที่ มศว สถาบันที่ใฝ่ฝันมาตลอด ดีใจมากเลยค่ะช่วงนั้น พอมาเรียนถามว่ายากมั้ย ยากนะ 555 เลยคิดแค่ว่าไหนๆเราก็เลือกแล้วเราต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด ให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอค่ะ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะท้อจนถึงขั้นร้องไห้เลยก็มีค่ะ แต่ได้กำลังใจจากที่บ้านและเพื่อนๆก็ทำให้มีแรงฮึดสู้แล้วค่ะ
ประวัติส่วนตัวของเราคร่าวๆก็มีเท่านี้แหละนะ(บางคนอาจจะคิดในใจว่านี่หรือคร่าวๆของเธอ 555) เราอยากจะเล่าจริงๆนะ ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ ถ้าอยากรู้จักเราให้มากกว่านี้ ลองเข้ามาคบ(เป็นเพื่อน)และคุยกันได้ที่
^_^ BYE BYE ^_^